A+E+W+J+A+A

Monday, June 25, 2007

วันต่อต้านยาเสพติดโลก

ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฎิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาสคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๐๒ ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า กปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็ง เห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฏหมายเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙


นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรมกรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ พบว่า จำนวนคดียาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ ถูกจับในข้อหามีไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา


วิธีการดำเนินงานด้านการป้องกันยาเสพติดที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบันว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ได้แก่ การป้องกันการใช้ยาเสพติดที่ผิด หรือที่เรียกว่า Drug Abuse Prevention ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความรู้และชี้นำให้ประชาชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัย ตลอดจนผลร้ายของยาเสพติด ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นการตัดต้นตอของปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ผลจากปัญหายาเสพติดได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก ประเทสต่างๆ ทั่วโลกจึงได้พยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด


ดังนั้น ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and Illicit Trafficking - ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด
วันสุนทรภู่

วันสุนทรภู่ หมายถึง วันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร(สุนทรภู่) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวัง ซึ่งมีผลงานด้านบทกลองที่มีคุณค่าแก่แผ่นดินเป็นจำนวนมาก


ความเป็นมา
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน ด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศ ยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปีขึ้นไป ประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์ โดยสรุป คือ

๑. เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทาง ด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฎแก่มวลสมาชิกทั่วโลก

๒. เพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม เฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ

ในการนี้ รัฐบาลไทย โดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและได้ประกาศยกย่องสุนทรภู่ให้ เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก

ในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปีเกิด เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๙ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีต รองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่ หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น จึงได้กำหนดให้ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสุนทรภู่

สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวัง (บริเวณสถานีรถไฟ บางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตามสันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวง อยู่ในพระราชวังหลัง บิดามารดาเลิกร้างกันตั้งแต่สุนทรภู่เกิด บิดาออก ไปบวชที่วัดป่า ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดากลับเข้าไปอยู่ใน พระราชวังหลัง และได้ถวายตัวเป็นนางนม ของพระธิดาในกรมฯ นั้น

ในปฐมวัยสุนทรภู่ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระราชวังหลัง และได้อาศัยอยู่กับมารดา สุนทรภู่ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลัง และที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักการ แต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้นรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่ วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอน นิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว ๒๐ ปี ในระยะนี้ได้ลอบรักกับหญิงสาว ชาววังชื่อ "จันทร์" จึงต้องเวรจำทั้งชายหญิง เมื่อกรมพระราชวังหลัง ทิวงคตจึงพ้นโทษ ต่อมาจึงได้แม่จันทร์เป็นภรรยา แต่อยู่ด้วยกันไม่ นานก็เกิดระหองระแหงคงเป็นเพราะสุนทรภู่เมาสุราอยู่เป็นนิตย์

ในสมัยรัชกาลที่ ๒ สุนทรภู่ได้เข้ารักราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ ใกล้ชิด ระยะนี้สุนทรภู่ได้หญิงชาวบางกอกน้อยที่ชื่อ นิ่ม เป็นภริยาอีกคนหนึ่ง ต่อมาในราว พ.ศ. ๒๓๖๔ สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุรา อาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไม่นานก็พ้นโทษเพราะ ความสามารถในทางกลอนเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ในสมัยรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเสพสุรา และเรื่อง อื่น ๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหารต่อมาสุนทรภู่ออก บวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่าง ๆ และได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวร สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ ๑๐ พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวช อีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง ๒ พรรษาก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่ กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ณ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้อุปการะ จากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรง สถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่พระสุนทรโวหาร ตำแหน่งเจ้ากรม พระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวัง ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ และรับราชการต่อมา ได้ ๔ ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๗๐ ปี


งานของสุนทรภู่

หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฎเรื่องที่ยังมี ฉบับอยู่ในปัจจุบัน คือ

๑. ประเภทนิราศ

นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศวัดเจ้าฟ้า

นิราศเมืองสุพรรณ (แต่งเป็นโคลง) นิราศอิเหนา นิราศพระประธม นิราศเมืองเพชร

๒. ประเภทนิทาน

เรื่องโคบุตร เรื่องพระอภัยมณี เรื่องพระไชยสุริยา เรื่องลักษณวงศ์ เรื่องสิงหไกรภพ

๓. ประเภทสุภาษิต

สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท สุภาษิตสอนหญิง

๔. ประเภทบทละคร

เรื่องอภัยณุราช

๕. ประเภทบทเสภา

เรื่องขุนช้างขุนแผน เรื่องพระราชพงศาวดาร

๖. ประเภทบทเห่กล่อม

เห่จับระบำ เห่เรื่องพระอภัยมณี เห่เรื่องโคบุตร

Monday, June 11, 2007


ORANGE


-L'orange est un fruit appartenant à la famille des agrumes, (voir aussi jus d'orange) -L'orange sanguine est une variété d'orange, tout comme l'orange amère.
-L'orange est une couleur entre le jaune et le rouge, qui tire son nom du fruit.
-Orange est une entreprise mondiale de télécommunications, filiale de France Télécom.
-Orange est un logiciel de Data Mining
-L'Agent orange est le surnom d'un herbicide utilisé au Viêt Nam.
-Orange est également une marque anglaise d'amplificateurs de guitares et de basses

Géographie


Orange est une commune française du Vaucluse.
-Cette ville était la capitale de la principauté d'Orange.
-Principauté qui donna son nom à la Maison d'Orange-Nassau, actuelle famille royale des Pays-Bas.


Orange est une ville d'Australie.

Plusieurs villes portent ce nom aux États-Unis :
-Orange en Californie, qui fait partie du comté d'Orange,
-Orange dans le Connecticut,
-Orange dans le Massachusetts,
-Orange dans le New Jersey,
-Orange dans l'Ohio,
-Orange au Texas,
-Orange en Virginie,
-West Orange dans le New Jersey.

En Afrique du Sud :
-l'Orange est un fleuve,
-l'État libre d'Orange était une colonie néerlandaise qui bordait ce fleuve, nommée en l'honneur de la maison princière,
-la province de l'État libre d'Orange est la province actuelle correspondant à ce territoire

Monday, June 04, 2007


Le Kangourou

Le kangourou est un marsupial de la famille soit de celle des macropodidés soit de celle des sthenurinés.
Au sens strict, le nom kangourou désigne l'un des membres des quatre plus grandes espèces vivantes: le kangourou roux, le kangourou géant, le kangourou gris et le kangourou antilope.

Au sens large, on y rassemble les 63 plus grandes espèces vivante de la famille des macropodidés en plus des espèces précédentes, on y ajoute les wallaroos, les wallabies, les kangourous arboricoles, les pademelons et le quokka.
On les trouve exclusivement en Australie (sur le continent et en Tasmanie), ainsi qu'en Nouvelle-Guinée pour les kangourous arboricoles.
Le nom de kangourou dérive du nom « gangurru » désignant le kangourou gris dans la langue aborigène Guugu yimidhirr. Il fut transcrit en « kangooroo » ou « kanguru » par James Cook en 1770.
Les kangourous roux sont les plus représentés, les plus grands (le mâle fait 1,5 m et 85 kg) et les plus connus. Ils vivent en bande et les mâles arborent une belle couleur rousse.
Ils sont caractérisés par une grande taille des membres postérieurs (d'où le nom de la famille), qui sont très adaptés au saut et par une poche abdominale (ou poche marsupiale) qui abrite le petit du kangourou. La queue est grande et puissante, elle sert de balancier pendant les sauts et l'animal s'y appuie (comme un « siège ») au repos.
Comme leur population a fortement augmenté depuis l'arrivée des européens, la chasse industrielle est bien organisée. La viande est maigre et assez goûteuse.

Animal emblématique de l'Australie, le grand kangourou y est plus populaire en ville que dans les campagnes. En effet, extraordinairement adapté aux conditions de vie extrêmes du bush australien, capable de supporter en période de sécheresse des températures de plus de 40°C, ce marsupial prolifère dans tout le pays

 
Cursor by www.purpletoad.net